ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ หลีกเลี่ยงโรคไวรัสตับอักเสบบี

การมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ถือว่าเป็นการแสดงความรัก ความใคร่ของมนุษย์รูปแบบหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามการที่เราจะมีเพศสัมพันธ์ในแต่ละครั้งเราต้องมั่นใจว่ามีความพร้อม และปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายในทุกครั้ง เพราะการมีเพศสัมพันธ์จะก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมายเมื่อเราไม่พร้อม เช่น การตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ฯลฯ

ในวัยเด็กเชื่อว่าหลายคนต้องได้เรียนเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษา เรื่องการมีเพศสัมพันธ์อย่างแน่นอน และจะมีประโยคหนึ่งที่คุณครูมักจะพูดถึงบ่อยๆ ก็คือ “การสวมถุงยางอนามัย” ในขณะที่มีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม และเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เราไปดูกันว่าทำไมประเทศไทยถึงมีการรณรงค์เรื่องการสวมถุงยางอนามัย มีความร้ายแรงอย่างไร พร้อมกับวิธีการเลือกซื้อถุงยางอนามัยให้เหมาะสมกับผู้สวมใส่

สาเหตุที่ต้องใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมสูงเป็นอันดับต้นๆ ของอาเซียน จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขพบว่าในปี 2564 เยาวชนไทยในช่วงอายุ 15-19 ปี มีปัญหาตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมกว่า 25 ต่อ 1,000 ประชากร และในช่วงอายุ 10-14 ปี จะมีปัญหาตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมอยู่ที่ 0.9 ต่อ 1,000 ประชากร จากสถิติดังกล่าวถึงแม้จะลดลงจากปี 2563 แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงอยู่ โดยสาเหตุที่ตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมส่วนใหญ่เกิดจากการไม่สวมถุงยางทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์นั่นเอง

ส่วนปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ก็เป็นอีกปัญหาสำคัญของประเทศไทย จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่าในช่วงปี 2556, 2558 และ 2560 มีผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ถึง 19, 23.2, 28.9 รายต่อประชากรแสนคน ตามลำดับ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเป็นเยาวชนกลุ่มอายุ 15–24 ปี จากข้อมูลสถิติเราพบว่าปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นทุกปี สาเหตุสำคัญที่ทำให้มีอัตราผู้ป่วยมาก คือ การไม่ใส่ถุงยางอนามัยในขณะที่มีเพศสัมพันธ์

สำหรับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่คนส่วนใหญ่นึกถึงจะมีเพียงแค่ ซิฟิลิส หนองใน เริม และเอชพีวีเท่านั้น แต่การไม่ใส่ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ยังเป็นโรคร้ายแรงได้อีกประเภท คือ โรคไวรัสตับอักเสบบี

โรคไวรัสตับอักเสบบี คืออะไร?

โรคไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B virus; HBV) คือ การอักเสบของเซลล์ตับจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสชนิดนี้จะติดต่อผ่านทางเลือดและการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกันจากผู้ป่วยที่ติดเชื้อ โรคไวรัสตับอักเสบบีทำให้ตับเกิดการอักเสบ 2 แบบ คือ ตับอักเสบแบบเฉียบพลัน (acute hepatitis) และตับอักเสบแบบเรื้อรัง (chronic hepatitis)

สาเหตุที่ทำให้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี

  • เกิดจากการสัมผัสเลือดของผู้ป่วย
  • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน
  • ติดจากแม่สู่ลูก
  • ฯลฯ

วิธีการป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี

  • ตรวจสุขภาพประจำปี
  • ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี
  • หลีกเลี่ยงการเดินทางไปพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค
  • สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • การเลือกซื้อถุงยางอนามัย
  • ฯลฯ

ประเภทของถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัยจะมีประสิทธิภาพสูงสุดก็ต่อเมื่อมีการใช้อย่างถูกวิธี ดังนั้น เมื่อจะใช้ถุงยางอนามัยต้องคำนึงถึงขนาดของผู้ใช้งาน ควรเช็กว่าถุงยางอนามัยชำรุดหรือไม่ก่อนใช้งานทุกครั้ง และประเภทของถุงยางอนามัย ควรเลือกให้เหมาะสมต่อการใช้งาน เราไปดูกันว่าประเภทของถุงยางอนามัยที่มีจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปจะมีคุณสมบัติอะไรบ้าง

1. ถุงยางอนามัยผิวไม่เรียบ (Textured condoms)

เป็นถุงยางอนามัยที่เหมาะกับฝ่ายรับที่ต้องการเซ็กซ์รูปแบบแปลกใหม่ ตื่นเต้นท้าทาย สำหรับถุงยางอนามัยประเภทนี้จะมีลักษณะไม่เรียบ จะเต็มไปด้วยปุ่มนูน ผิวขรุขระ

2. ถุงยางอนามัยผสมสารหล่อลื่น (Lubricated condoms)

เป็นถุงยางอนามัยที่มีสารหล่อลื่นเคลือบอยู่บริเวณรอบๆ ถุงยางประเภทนี้จะลดความเจ็บปวด ลดความระคายเคืองในขณะมีเพศสัมพันธ์ของฝ่ายรับโดยไม่ต้องใช้เจลหล่อลื่น

3. ถุงยางอนามัยที่ทำจากเยื่อธรรมชาติ (Lambskin Condom)

เป็นถุงยางอนามัยที่ทำจากลำไส้ของแกะ มีความอ่อนนุ่มสวมใส่สบาย ลดความเจ็บปวดในขณะมีเพศสัมพันธ์ สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูงถึง 98% แต่ข้อเสียของถุงยางประเภทนี้ คือ ถุงยางอนามัยมีรูพรุนขนาดเล็กอยู่รอบๆ ทำให้ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องจากรูพรุนขนาดเล็กทำให้ไวรัสบางชนิดผ่านไปได้

4. ถุงยางอนามัยแบบมีรสหรือกลิ่น (Flavored condoms)

ใครที่ไม่ชอบถุงยางอนามัยที่มีกลิ่นน้ำยาง สามารถเลือกใช้ถุงยางอนามัยแบบมีรสหรือกลิ่นทดแทนได้ สำหรับถุงยางอนามัยชนิดนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูง

ถุงยางอนามัยในปัจจุบันหาซื้อได้ง่าย มีราคาถูก และบางสถานที่ยังมีการแจกถุงยางอนามัยฟรีอีกด้วย ดังนั้น การมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้งควรสวมถุงยางอนามัย เพื่อความปลอดภัยของตนเอง และเพื่อลดปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่น

สอบถาม