โรคตับแข็ง (Cirrhosis)
เป็นภาวะที่ตับถูกทำลายจนได้รับความเสียหายและเกิดแผลเป็นขึ้นมาในเนื้อตับ ส่งผลให้เนื้อตับเกิดพังผืดที่มีลักษณะแข็งขึ้นมา ถ้าไม่รีบรักษาพังผืดจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนผู้ป่วยสามารถรู้สึกได้ด้วยตัวเองว่าตับมีความผิดปกติ เพราะเมื่อคลำที่ท้องจะรู้สึกได้ถึงก้อนแข็งๆ และก้อนเนื้อนี้เองที่จะพัฒนาจนกลายเป็นโรคตับแข็งถ้าหากไม่รีบทำการรักษา
โรคตับแข็งสามารถรักษาได้หลากหลายวิธี รูปแบบการรักษาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคตามคำวินิจฉัยของแพทย์ แต่ผู้ป่วยโรคตับแข็งทุกคนไม่ว่าอาการป่วยจะรุนแรงมากแค่ไหนก็ตาม ทุกคนควรให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหาร เพราะการทานอาหารที่เหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ผู้ป่วยมีแรงในการต่อสู้กับโรคตับแข็งมากขึ้น
เมนูอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคตับแข็ง
1. ผักและผลไม้
โรคตับแข็งทำให้ผู้ป่วยมีประสิทธิภาพการทำงานของตับลดลง ส่งผลให้การกำจัดสารพิษในร่างกายไม่ดีเหมือนเดิม จนสารพิษจะไปสะสมในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ยิ่งผู้ป่วยมีอาการท้องผูกเพราะไม่ทาน ผักและผลไม้ ภายในร่างกายผู้ป่วยยิ่งสะสมสารพิษมากขึ้น ดังนั้น ผักและผลไม้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างเด็ดขาดถ้าป่วยเป็นโรคตับแข็ง
2. เครื่องดื่มกาแฟดำ
ในปัจจุบันมีงานวิจัยเผยแพร่ออกมามากมายว่า “กาแฟดำ” ช่วยป้องกันตับ เนื่องจากว่าในกาแฟดำเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างโพลีฟีนอล ที่ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคตับแข็ง แต่ถ้าหากผู้ที่ดื่มกาแฟดำไม่เป็นโรคตับแข็งก็จะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคตับแข็งได้ เพราะกาแฟดำช่วยลดการเกิดพังผืดในตับได้ถึง 35%
3. พืชตระกูลถั่ว
เช่น วอลนัท อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ฯลฯ จะอุดมไปด้วยไขมันดีและสารอาหารต่างๆ ที่ร่างกายต้องการ เช่น โพลีฟีนอล โอเมก้า 3 เป็นต้น จะช่วยป้องกันไม่ให้ตับถูกทำร้าย ส่งผลให้อาการป่วยของผู้ป่วยโรคตับแข็งไม่รุนแรงไปมากกว่าเดิม
4. ปลาที่มีไขมัน
เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ฯลฯ ปลาเหล่านี้จะอุดมไปด้วยสารอาหารที่ร่างกายต้องการอย่างโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดความรุนแรงของโรคตับ แต่การทานปลาควรทานปลาที่สะอาด และปรุงสุกโดยไม่ใช้เกลือหรือน้ำมัน
5. สมุนไพรบางชนิด
เช่น โหระพา ผักชีฝรั่ง พริกไทยดำ ยี่หร่า ฯลฯ ที่ช่วยป้องกันและลดความรุนแรงของโรคตับ
นอกจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยลดความรุนแรงของมะเร็งตับได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ป่วยควรจะปฏิบัติสิ่งต่างๆ เหล่านี้ควบคู่กับการรักษาของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การรักษาโรคตับแข็งเกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด