เบิร์นไขมันวันละ 30 นาที ลดความเสี่ยงต่อภาวะเจ็บป่วย

โรคอ้วน (obesity) เป็นภาวะที่ร่างกายสะสมไขมันเลวมากผิดปกติจนไม่สามารถเผาผลาญได้ ทำให้สารอาหารที่หลงเหลืออยู่ถูกปรับเปลี่ยนให้อยู่ในรูปไขมัน และไขมันเหล่านั้นจะไปสะสมในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย จนทำให้ส่งผลให้ร่างกายมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ดังนี้

  • โรคเบาหวาน
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคไขมันพอกตับ
  • โรคหัวใจ
  • โรคมะเร็งชนิดต่างๆ
  • โรคผิวหนัง เช่น ขนดก สิว ฯลฯ
  • ฯลฯ

โรคอ้วนเราสามารถวัดได้หลากหลายวิธี แต่วิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก คือ การวัดจากดัชนีมวลกาย หรือ BMI (Body Mass Index) เพื่อประเมินว่าร่างกายมีภาวะอ้วนหรือไม่ โดยสามารถคำนวณตามวิธีดังต่อไปนี้

ดัชนีมวลกาย = น้ำหนัก (กิโลกรัม) / [ส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง]

  • ค่าดัชนีมวลกาย < 18.5 = ผอม
  • ค่าดัชนีมวลกาย 18.5 – 22.9 = ปกติ
  • ค่าดัชนีมวลกาย 23.0 – 24.9 = น้ำหนักเกิน
  • ค่าดัชนีมวลกาย >25.0 = อ้วน

โรคอ้วนเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุที่ทำให้หลายคนเสี่ยงโรคอ้วน คือ การไม่ออกกำลังกาย และการทานอาหารตามใจปาก ทุกคนสามารถหลีกเลี่ยงจากโรคอ้วนได้ง่ายๆ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพายาลดความอ้วนให้เสียเงิน และอันตรายต่อร่างกาย เพียงแค่ทำการเบิร์นไขมันวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 4-5 วัน ก็สามารถลดความเสี่ยงการเป็นโรคอ้วนได้แล้ว วิธีเบิร์นไขมันที่เห็นผลจริง และไม่อันตรายต่อสุขภาพ สามารถทำตามดังวิธีต่อไปนี้

วิธีเบิร์นไขมัน ลดความอ้วน ลดการเจ็บป่วย

  • กระโดดเชือก เป็นการเบิร์นน้ำหนักทุกสัดส่วนของร่างกาย แม้จะกระโดดเชือกในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็สามารถเผาผลาญไขมันได้สูงถึง 10 กิโลแคลอรีต่อนาที
  • เต้นแอโรบิค การเต้นแอโรบิคไม่จำเป็นจะต้องเต้นด้วยท่ายากๆ ที่อันตรายต่อร่างกาย คุณสามารถออกสเต็ปท่าท่าแบบง่ายๆ ก็สามารถเผาผลาญไขมันได้แล้ว การเต้นแอโรบิคสามารถเผาผลาญไขมันได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนัก แต่มีงานวิจัยกล่าวว่าการเต้นแอโรบิคสามารถเอาผลาญไขมันได้สูงถึง 90-260 แคลอรี
  • เดินเร็ว (Brisk Walking) เป็นการออกกำลังในรูปแบบคาร์ดิโอ ที่กระตุ้นการเผาผลาญได้เป็นอย่างดี กระตุ้นการทำงานของหัวใจได้ดี เมื่อทำต่อเนื่องติดๆ กันสามารถลดไขมันได้ด้วย
  • การวิ่ง สำหรับการวิ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมในทุกเพศ ทุกวัย สามารถเบิร์นไขมันได้อย่างปลอดภัย และเห็นผลจริง สำหรับการวิ่งนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ วิ่งเหยาะๆ วิ่งปกติ และวิ่งเร็ว การวิ่งแต่ละประเภทจะลดแคลอรีในปริมาณที่แตกต่างกัน คือ
    • วิ่งเหยาะๆ จะทำการเผาผลาญ 9 แคลอรีต่อนาที
    • วิ่งปกติ จะทำการเผาผลาญ 13 แคลอรีต่อนาที
    • วิ่งเร็ว จะทำการเผาผลาญ 20 แคลอรีต่อนาที

เพียงแค่คุณเบิร์นไขมันตามวิธีที่เราแนะนำไปข้างต้น คุณก็จะได้หุ่นสวยตามต้องการ และปลอดภัยจากโรคอันตรายอีกด้วย

สอบถาม