รู้เท่าทัน “ไวรัสตับอักเสบบี” โรคร้ายที่สามารถป้องกันได้

โรคไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Virus) เป็นการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBV) ที่บริเวณตับ โดยไวรัสตับอักเสบบีจะโจมตีหรือทำร้ายตับให้เกิดความเสียหาย ซึ่งจะทำให้เกิดโรค 2 แบบ คือ แบบเฉียบพลัน (Acute disease) และแบบเรื้อรัง (Chronic disease) สำหรับแบบเฉียบพลันจะป่วยแล้วหายภายใน 6 เดือน แต่แบบเรื้อรังจะป่วยมากกว่า 6 เดือน และการเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีแบบเรื้อรังนั้นจะทำให้ตับถูกทำลายไปเรื่อยๆ มีความเสี่ยงสูงที่ผู้ป่วยจะเป็นโรคตับแข็งและจากนั้นก็จะป่วยเป็นมะเร็งตับ ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบมีอัตราการเสียชีวิตที่ค่อนข้างสูง

สถานการณ์ภัยเงียบของ “ไวรัสตับอักเสบบี” ที่ส่งผลร้ายแรงในปัจจุบัน

“โรคไวรัสตับอักเสบบี” ถือว่าเป็นโรคระบาดแบบเงียบและเป็นการเงียบที่อันตรายมาก เนื่องจากว่าผู้ป่วยใหม่ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในช่วงแรกนั้นจะไม่มีอาการเจ็บป่วยอะไรทั้งสิ้น เพราะไม่มีอาการเจ็บป่วยจึงทำให้ผู้ป่วยเกิดความชะล่าใจไม่ระมัดระวังตัวหรือไม่ป้องกันตัวเอง ทำให้เชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้แพร่ไปสู่คนอื่นแบบเงียบๆ และกว่าผู้จะแสดงอาการป่วยออกมาก็ไม่ทราบว่าแพร่เชื้อไปแล้วกี่คน และไวรัสชนิดนี้ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจำนวนมากในแต่ละปี จึงทำให้ไวรัสตับอักเสบบีเป็นโรคอันตรายที่ทั่วโลกต่างจับตามอง

ข้อมูลองค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าในปัจจุบันนี้มีผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบีจำนวนประมาณ 296 ล้านคนจากประชากรทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละปีเป็นจำนวนกว่า 1.5 ล้านคน มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงกว่า 8 แสนคน และผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากโรคตับแข็งและโรคมะเร็งตับ โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้ต่ำและมีรายได้ปานกลางจะมีผู้เสียชีวิตที่ค่อนข้างสูง

ประเทศไทยในปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบบีกว่า 2.2 ล้านคน โดยพบประมาณ 4-5% ของประชากรไทยทั้งหมด และผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีมี 90% ที่หายขาดจากโรคนี้ และอีก 10% เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีแบบเรื้อรัง สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคแบบเรื้อรังจะมี 10% ที่เป็นโรคตับแข็งและโรคมะเร็งตับ ซึ่งกรมควบคุมโรคของประเทศไทย (Department of Disease Control) ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหานี้เพราะได้เร่งคัดกรองและรักษา เพื่อลดการแพร่เชื้อและลดอัตราผู้เสียชีวิตของผู้ป่วยในประเทศไทยให้ลดลง

สาเหตุของไวรัสตับอักเสบบี

  • ไวรัสตับอักเสบบีสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก
  • ติดต่อผ่านอุปกรณ์ทันตกรรมและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกวิธี
  • เกิดจากการแบ่งปันของใช้ส่วนตัวให้ผู้อื่น เช่น มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ ฯลฯ
  • เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่มีการป้องกัน
  • การสัมผัสกับเลือดผู้ป่วยโดยที่ไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน
  • การใช้เข็มฉีดยาซ้ำ
  • การใช้อุปกรณ์สักซ้ำ

วิธีการป้องกันไวรัสตับอักเสบบี

การป้องกันไวรัสตับอักเสบบีที่ดีที่สุด คือ การฉีดวัคซีน เพราะในปัจจุบันวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบีมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงถึง 98-100% สามารถป้องกันร่างกายจากโรคไวรัสตับอักเสบบีได้มากกว่า 20 ปี และในประเทศไทยผู้ที่เกิดหลังปี พ.ศ. 2535 เด็กทุกคนจะได้รับวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบีกันทุกคน แต่ผู้ที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 อาจจะไม่ได้รับวัคซีนนี้กันทุกคน ดังนั้น การป้องกันที่ดีที่สุดของผู้ที่เกิดก่อน พ.ศ. 2535 คือ ไปตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อตรวจหาเชื้อ เพราะยิ่งตรวจพบโรคเร็วก็ช่วยลดการแพร่เชื้อไปยังคนอื่นๆ และช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสหายป่วยสูงขึ้น เพราะในปัจจุบันมียารักษาโรคไวรัสตับอักเสบบีทั้งแบบทานและแบบฉีดที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง

สอบถาม