ปวดท้อง แน่นท้อง ขับถ่ายผิดปกติ สัญญาณอันตรายที่ถูกปล่อยปละละเลยเนื่องจากเห็นว่าไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรง ส่วนมากผู้ป่วยจะทานยาแล้วปล่อยให้อาการดีขึ้นไปเอง โดยอาจไม่ทราบว่าอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายว่า คุณมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคตับ
จากงานวิจัยระบุว่า ในภาวะที่ตับถูกทำลาย 40-50% ก็จะยังไม่แสดงความผิดปกติใด ผู้ป่วยจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อมีอาการร้ายแรงจนบางรายก็เข้าขั้นระยะสุดท้าย หรือเสียชีวิตไปแล้วนั่นเอง
การที่คุณจะทราบได้ว่า คุณกำลังมีภาวะเสี่ยงต่อโรคตับ (liver disease) สิ่งที่จะสามารถทำให้ค้นพบได้ ก็คือการตรวจอย่างละเอียดด้วยเทคนิคทางการแพทย์ โดยเบื้องต้นคุณสามารถประเมินความเสี่ยงเสียก่อนว่า
ผู้มีความเสี่ยงเป็นโรคตับ (liver disease)
1. คนในครอบครัว ญาติ พี่น้อง มีประวัติเป็น
- โรคไวรัสตับอักเสบบี (chronic hepatitis B)
- ไวรัสตับอักเสบซี (chronic hepatitis C)
- โรคเหล็กคั่งในตับ (hemochromatosis)
- มีความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ (tyrosinemia)
- มะเร็ง (liver cancer)
2. มีอาการ
- ท้องโต
- ปัสสาวะมีสีเข้ม
- อุจจาระมีสีเข้ม
- จุกเสียดแน่น
- ปวดท้อง
- ท้องอืด
- คลำบริเวณท้องพบก้อนเนื้อ (หรืออาจไม่มีก็ได้)
- น้ำหนักลด
- เบื่ออาหาร
- อ่อนแรง ไม่สดชื่น
- หน้ามืด
- ตะคริวบริเวณเท้า มือ
- ท้องเสียเป็นน้ำ
- กล้ามเนื้ออักเสบ
- คันบริเวณร่างกาย
- ปวดกระดูก
- ฯลฯ
สัญญาณเหล่านี้เป็นการเตือนของร่างกายให้คุณควรไปตรวจเช็กความเสี่ยงของมะเร็งตับ โดยปัจจุบันตรวจได้ด้วยผลเลือด ดังนั้นหากคุณมีอาการเหล่านี้ โดยไม่จำเป็นต้องครบถ้วนทุกสัญญาณก็สามารถเข้ารับการตรวจเช็กที่โรงพยาบาลต่างๆ เพื่อหาความผิดปกติของร่างกายและทำการรักษาก่อนทุกอย่างจะสายเกินแก้ โดยทั่วไปควรตรวจเช็กสุขภาพร่างกาย ทุกๆ 6 เดือนหรือ 1 ปี
นอกจากนี้โรคที่เกี่ยวข้องกับตับยังมีอีกมากมาย เช่น
- เป็นฝี ถุงน้ำ บริเวณตับ
- เนื้องอกในตับ
- ปานแดงในตับ
- เนื้องอกไขมัน
- ตับแข็ง
- ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี
การดูแลตัวเองให้แข็งแรงและมีสุขภาพดี ควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ครบโภชนาการและอาจเลือกทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามิน แร่ธาตุในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรออย่างเพียงพอ รวมทั้งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ผ่อนคลายและไม่เครียดจนหมกมุ่นทำให้ร่างกายทรุดโทรม การใช้ชีวิตอย่างมีบาลานซ์เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันที่ต้องมีการแข่งขันและเร่งรีบอย่างสม่ำเสมอ
โรคตับมักไม่แสดงในตอนเริ่มต้น กว่าคุณจะรู้ตัวอาจสายไปเสียแล้ว ดังนั้นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด ก็คือการดูแลตัวเองและหมั่นตรวจเช็กสุขภาพ
Liver Thailand ผู้เชี่ยวชาญเรื่องตับ เพราะเราอยากให้คุณมีสุขภาพดีและแข็งแรง