ตับ (Liver) เป็นอวัยวะภายในที่ใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญอย่างมากต่อกระบวนทำงานต่างๆ ของร่างกาย เมื่อตับเกิดความผิดปกติก็จะทำให้ร่างกายเกิดการเจ็บป่วย เนื่องจากว่าตับมีหน้าที่ในร่างกายที่สำคัญหลายอย่าง เช่น
- กำจัดสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายผลิต
- โปรตีนสำคัญบางชนิด เช่น
- โปรตีนอัลบูมิน (Albumin) ที่ช่วยให้เลือดแข็งตัวและปรับสมดุลกรดด่างของเลือด
- ไลโพโปรตีน (Lipoprotein) ที่ทำหน้าที่ขนส่งโคเลสเตอรอลจากตับไปยังอวัยวะอื่นๆ และขนส่งไตรกลีเซอไรด์ที่ได้จากอาหารหรือได้จากตับไปยังอวัยวะอื่นๆ
- สร้างน้ำดี โดยน้ำดีจะทำหน้าที่ย่อยสลายไขมันจากอาหารที่เราทานเข้ามา
- ฯลฯ
เราจะเห็นว่า “ตับ” เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกายมนุษย์และเป็นอวัยวะที่ทำงานหนัก เนื่องจากว่าตับจะมีการทำงานไปเรื่อยๆ และทำงานตลอดเวลาจนกว่าเจ้าของตับจะเสียชีวิต ดังนั้น ทุกคนควรให้ความสำคัญและเอาใจใส่ต่อตับให้ดีกว่าเดิม เพราะถ้าตับเกิดปัญหาก็จะส่งผลให้กระบวนการทำงานต่างๆ ในร่างกายเกิดความผิดปกติตามมามากมาย และรับความเสียหายนั้นก็จะส่งผลทำให้อวัยวะอื่นๆ ในร่างกายได้รับผลกระทบด้วย เนื่องจากว่าตับได้ทำหน้าที่ที่สำคัญหลายอย่างในร่างกาย นอกจากนี้แล้วเมื่อตับเกิดความเสียหายก็ทำให้ร่างกายมีอาการที่ทรุดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับมีอัตราเสียชีวิตที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งตับที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุด
อันตรายของโรค “มะเร็งตับ” (Liver cancer) ที่มีแนวโน้มการเสียชีวิตที่สูงขึ้นในทุกปี
ปัจจุบันโรคมะเร็งตับถือว่าเป็นวาระระดับชาติ เพราะว่าโรคนี้ได้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในแต่ละปี จากข้อมูลของกองทุนวิจัยมะเร็งโลก (World Cancer Research Fund หรือ WCRF) พบว่าในแต่ละปีมีผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งตับรายใหม่จำนวนมาก และโรคมะเร็งตับพบมากเป็นอันดับ 6 ของโลก โดยประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศ ที่พบมะเร็งตับมากที่สุดและเป็นประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับสูง
จากข้อมูลของสมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย (Thai Association for the Study of the Liver หรือ THASL) ได้กล่าวว่าในประเทศไทยนั้นพบโรคมะเร็งตับในผู้ชายมากเป็นอันดับ 1 และพบมากในผู้หญิงเป็นอันดับ 3 สำหรับโรคมะเร็งตับถือว่าเป็นโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในประเทศไทย และมีอัตราการเสียชีวิตที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากว่าเมื่อมีการป่วยเป็นมะเร็งตับจะมีการลุกลามของโรคที่ค่อนข้างรวดเร็ว ทำให้ผู้ป่วยมีอาการทรุดตัวเร็วส่งผลให้กระบวนการทำงานต่างๆ ของตับมีปัญหา ซึ่งผลกระทบนี้ได้ส่งผลเสียไปยังอวัยวะอื่นๆ ภายในร่างกายอีกด้วย ทำให้ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ทำให้ระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกายค่อยๆ พังลงไปและจากนั้นไม่นานผู้ป่วยก็จะเสียชีวิต
สาเหตุของโรคมะเร็งตับ (Liver cancer)
- สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ (จะเพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็งตับ)
- น้ำหนักมากหรืออ้วน (จะเพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็งตับ)
- รับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารพิษที่เกิดจากเชื้อรา ที่พบมากในสินค้าเกษตรที่นำมาแปรรูป เช่น แป้ง ผักแห้ง ผลไม้แห้ง ฯลฯ
- เป็นโรคตับแข็ง
- ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบบีและไวรัสตับอักเสบซี
วิธีป้องกันโรคมะเร็งตับ (Liver cancer)
- ป้องกันหรือหลีกเลี่ยงการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบบี (HBV) และไวรัสตับอักเสบซี (HCV) ที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็งตับ โดยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสเลือดของผู้อื่นโดยตรง หลีกเลี่ยงการแบ่งปันของใช้ส่วนตัว (มีดโกน แปรงสีฟัน) สวมถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์เกิดขึ้น หรือฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ
- เลิกสูบบุหรี่และเลิกการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์อาจจะทำให้เกิดโรคตับแข็ง และโรคตับแข็งก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เป็นโรคมะเร็งตับ ควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ที่ส่งผลดีต่อตับ
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) ซึ่งพบมากในสินค้าเกษตรที่นำมาแปรรูป เช่น ถั่วลิสง ผลไม้แห้ง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ฯลฯ
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำในทุกปี โดยวิธีการนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุด เพราะว่าการตรวจสุขภาพในทุกปีจะช่วยให้ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งตับจะพบในระยะแรกเท่านั้น ช่วยให้โอกาสการหายป่วยจากโรคมะเร็งตับมีสูงอีกด้วย โรคมะเร็งตับยิ่งตรวจพบเร็วเท่าไรยิ่งดีเพราะโอกาสที่จะหายจากโรคนี้มีสูงอย่างมาก