แจกสูตรน้ำ แก้ร้อนตับแตก ต้องลอง

แจกสูตรน้ำ แก้ร้อนตับแตก ต้องลอง

ร้อนตับแตก แจก (สูตร) เครื่องดื่ม

หากจะบอกว่า “ประเทศไทยเรา กำลังก้าวเข้าสู่หน้าร้อน….” ก็คงพูดได้ไม่เต็มปากเท่าไรนัก แม้กระทั่งหน้าหนาวที่ผ่านมา ก็ยังเรียกได้ว่า หนาวระยะสั้น ยังไม่ทันได้ซื้อเสื้อหนาวมาใส่กัน ดวงตะวันก็สาดแสงแดดเปรี้ยงๆ พร้อมกับคลื่นความร้อนมาอย่างไม่บันยะบันยัง ดังนั้น เราเลยอยากให้ผู้อ่านคลายเครียดด้วยการเขียนบทความเกี่ยวกับคำว่า ร้อนตับแตก กันสักหน่อยว่า มันมีที่มาอย่างไร และแหล่งข้อมูลใดอธิบายได้น่าเชื่อถือที่สุด

บ้างก็ว่า ร้อนตับแตก หมายถึง อาการร้อนจนตับและม้ามในร่างกายแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ บ้างก็ว่า มันหมายถึง อาการร้อนใน แต่ที่เห็นจะถูกต้องและเชื่อถือได้มากที่สุด ตับที่ว่าก็น่าจะหมายถึง ‘ตับใบจาก’ ที่ใช้มุงหลังคา ไม่ใช่ตับคนหรือสัตว์ที่ไหน

ร้อนจามุมจากแตก

กล่าวคือ “ร้อนตับแตก” ที่จริงแล้วไม่ได้หมายถึงตับที่เป็นอวัยวะหรือเครื่องในของคนเรา แต่มันหมายถึง ใบจาก ซึ่งชาวบ้านหรือชาวไทยโบราณเรามักจะนำมาผูกเย็บเรียงติดกันเป็นตับๆ มันแตกตัวหรือโก่งตัวเบียดกันระหว่างใบ แยกออกจากกันและทำให้เกิดเสียงดังเปรี๊ยะๆ โดยที่เราสามารถได้ยินเสียงลั่นเป็นระยะๆ

ดังนั้น ในสมัยโบราณ หากวันไหนแดดร้อนเปรี้ยงจนหลังคามุงจากแตกและมีเสียงลั่นระงมกันไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านในหมู่บ้านนั้นๆ จึงมักเปรยว่า

“ช่างเป็นวันที่ร้อนตับแตกกันเสียจริ๊งงง” (ทำเสียงสูง)

เขียนมาถึงตรงนี้แล้ว จะจบเอาดื้อๆเลยก็กระไรอยู่ และบังเอิญนึกขึ้นได้ว่า ในทางการแพทย์ระบุว่า อาการเหนื่อยเพลียของคนเรานั้น จะมากหรือจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับตับเป็นสำคัญ เนื่องเพราะตับมีหน้าที่ต่อร่างกายอย่างมหาศาล

ซึ่งโดยปกติตับก็มีธาตุร้อนและเปรียบเสมือนเตาไฟที่ลุกโชนอยู่ในร่างกายคนเราอยู่แล้ว เมื่อรู้สึกร้อนหลายคนจึงมักจะหาเครื่องดื่มเย็นๆ มาบรรเทาความร้อนนั้น โดยหารู้ไม่ว่ากำลังเอาน้ำเย็นๆ ไปราดบนเตาไฟ คือ ตับ ฉะนั้น จึงควรระวังอย่าดื่มเครื่องดื่มเย็นจัดโดยซัดเข้าไปทีละสองสามขวด และพยายามห่วงใยตับของเราให้มากกว่าความรู้สึกสบายโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สุขภาพของเราจะได้ดีไปนานๆในระยะยาว 

ทั้งนี้ เครื่องดื่มแก้ร้อนในกระหายน้ำ ไม่จำเป็นต้องดื่มแบบแช่เย็นหรือเติมน้ำแข็งใส่เสมอไป ที่จริงแล้ว เครื่องดื่มแก้ร้อนในส่วนใหญ่ ควรจะดื่มแบบ ‘อุ่นๆ’ หรือ ‘ร้อนแบบขลุกขลิก’ กันสักนิด จะยิ่งดีต่อตับด้วยซ้ำ ซึ่งตัวอย่างของเครื่องดื่มเหล่านี้ ได้แก่ 

น้ำจับเลี้ยง

ชาวจีนกลุ่มหนึ่งเป็นผู้นำภูมิปัญญาการทำเครื่องดื่มน้ำจับเลี้ยงมาเผยแพร่ในประเทศไทย โดยรวบรวมเอาสมุนไพรหลายชนิดเข้าเป็นส่วนผสม ทั้งสมุนไพรไทยและจีน ดื่มได้ทั้งแบบร้อนและเย็น (แต่แน่นอนว่า ดื่มอุ่นๆ ดีที่สุด) สรรพคุณป้องกันและบรรเทาอาการร้อนใน

โดยเฉพาะอาการร้อนในที่เกิดจากสภาวะที่ร่างกายขาดความสมดุล เช่น นอนดึก พักผ่อนไม่พอ หรือกินแต่ของที่ทำให้ร้อน ของทอด หรือกินน้ำน้อย มีอาการทางระบบทางเดินอาหาร มีแผลในปาก ปากหรือลิ้นเปื่อย มีฝ้า ขมคอ เจ็บคอ เสียงแหบ คอแห้ง ไอ และนัยน์ตาร้อนผ่าว โดยที่หากอาการดังกล่าวไม่รุนแรงมาก แพทย์แผนจีนจะแนะนำให้กินผักผลไม้บำรุงตับทั้งหลาย และแก้กระหายด้วยการต้มน้ำจับเลี้ยงดื่ม

น้ำจับเลี้ยงมีขายทั่วไป แต่บางย่านอาจเป็นของหายาก หากจะต้มดื่มเองก็เป็นความคิดที่ดี เพียงไปที่ร้านขายยาจีนหรือหาซื้อสมุนไพรจีนตามสูตรนี้ได้ไม่ยาก เช่น

  • แห่โกวเช่า – แก้ไอ บรรเทาอาการเสียงแห้ง เป็นแผลในช่องปาก
  • หล่อฮั้งก้วย – ละลายเสมหะ แก้เจ็บคอ คอบวม ท้องผูก
  • ดอกงิ้ว – แก้ร้อนใน ขับความชื้นในร่างกาย ถอนพิษ แก้ท้องเสีย
  • เปะเหม่ากึง (รากหญ้าคา) – ขับของเหลวของเสีย ช่วยขับปัสสาวะ แก้อาการปัสสาวะสีเข้ม
  • กำเช่า – ถอนพิษตับ แก้อาการหอบ อาการปวดท้องถ่ายเหลว

ร้านยาจีนสมัยนี้จะจัดชุดสมุนไพรจับเลี้ยงไว้ให้เสร็จสรรพเป็นห่อใหญ่ แม้ว่าสูตรของแต่ละร้านจะไม่ค่อยเหมือนกัน แต่ก็จะมีตัวยาจีนยืนพื้นเหมือนๆกัน อีกทั้งราคาก็ไม่ต่างกันนัก ตกราวห่อละ 40 – 50 บาท ที่สำคัญคือ การต้มน้ำจับเลี้ยงควรต้มสองน้ำ การต้มน้ำแรก ให้เอาจับเลี้ยงใส่หม้อ เติมน้ำราว 3-4 ลิตร ต้มจนน้ำเดือด ลดไฟอ่อน ต้มต่ออีก 10-15 นาที จากนั้น ตักเอากากออก ยกหม้อน้ำจับเลี้ยงน้ำแรกลง พักไว้ เอากากจากการต้มน้ำแรก มาใส่น้ำ 2-3 ลิตร ต้มต่อเป็นน้ำที่สอง พอได้น้ำที่สองแล้ว ตักกากทิ้งให้หมด เอาน้ำจับเลี้ยงน้ำแรกมาเทผสมรวมกัน ใช้ไฟอ่อนต้มให้เดือดอีกครั้ง

น้ำเก๊กฮวย

ถือกำเนิดจากพืชดั้งเดิมของประเทศจีนและญี่ปุ่น แต่ภายหลังได้แพร่กระจายไปทั่วในประเทศกัมพูชา ลาว รวมถึงบ้านเราด้วย โดยมีการจำหน่ายเป็นดอกสด สำหรับดอกเก๊กฮวยที่นำมาใช้ควรเป็นดอกสีขาวหรือดอกสีเหลือง และไม่ใช่สายพันธุ์ที่เก็บมาจากในป่าเพราะอาจเป็นคนละชนิดกัน โดยสามารถชงดื่มเองด้วยส่วนผสมง่ายๆ ได้แก่ 

  • ดอกเก๊กฮวยแห้ง 10 ดอก
  • ใบเตยหอม 1 กำมือ
  • น้ำเปล่า 
  • น้ำตาลทรายแดง

สูตรการต้มน้ำเก๊กฮวย

  1. ล้างดอกเก๊กฮวยให้สะอาด นำไปผึ่งไว้ก่อนบนตะแกรง พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  2. ต้มให้ให้เดือด จากนั้นก็ใส่ดอกเก๊กฮวยลงไป ต้มประมาณ 4-5 นาที
  3. ขณะรอน้ำเดือดให้ล้างใบเตยหอมที่ล้างสะอาดแล้ว นำมาตัดเป็นท่อนสั้นๆ
  4. เมื่อน้ำเดือดให้ใส่ใบเตยลงไปแล้วปิดฝาหม้อทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที
  5. จากนั้นให้กรอกเอาแต่น้ำด้วยผ้าขาวบาง แล้วพักไว้ให้ร้อนพอประมาณ
  6. เติมน้ำตาลทรายแดง (เพื่อสุขภาพ) หวานมากหวานน้อยตามใจชอบ

ทั้งนี้ ดอกเก๊กฮวยประกอบไปด้วยสารจำพวกฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) สารไครแซนทีมิน (Chrysanthemin) สารอะเดนีน (Adenine) สเตไคดริน (Stachydrine) โคลีน (Choline) กรดอะมิโน และน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยรักษาและป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ รวมถึง:

  • ช่วยขยายหลอดเลือด 
  • ลดการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
  • ช่วยขับเหงื่อ กำจัดสารพิษออกจากร่างกาย 
  • ช่วยดูดซับสารก่อมะเร็ง
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
  • ช่วยบำรุงโลหิต

อย่างไรก็ดี อย่าคิดว่าสมุนไพรเป็นอะไรที่ได้จากธรรมชาติแล้วจะต้องปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง ซึ่งความจริงไม่ใช่เช่นนั้น เพราะถ้าดื่มมากเกินไป บ่อยเกินไป ก็อาจเป็นพิษหรือมีผลข้างเคียงได้ จึงไม่ควรดื่มเหล่านี้ทุกวัน ดื่มเพียง 3 – 4 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็มากพอแล้ว

น้ำใบบัวบก

นอกจากจะแก้อาการฟกช้ำดำเขียวได้แล้ว น้ำใบบัวบกยังมีสรรพคุณดีๆ ที่ไม่ต้องรอให้เกิดอาการฟกช้ำ หรือแก้อาการอกหักรัดคุดอย่างที่ใครๆ ชอบแซวกันเล่น ซึ่งประโยชน์ดีๆ ของน้ำใบบัวบก ที่คุณอ าจไม่เคยรู้มาก่อน มีดังต่อไปนี้

  • แก้อาการช้ำใน ลดอาการอักเสบ
  • เสริมสร้าง และกระตุ้นการสร้างคอลาเจน และอิลาสตินให้ผิวหนังเปล่งปลั่ง
  • ช่วยดูแลถนอมดวงตาและสายตา เพราะใบบัวบกมีวิตามินเอสูง
  • บำรุงประสาทและสมอง เพิ่มควา มสามารถในการจำ 
  • ลดความเครียด แก้อาการปวด วิงเวียนศีรษะ

ที่สำคัญ น้ำใบบัวบกยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ร้อนใน แก้กระหายน้ำได้ชะงัดนัก แถมยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและรักษาภาวะโลหิตจางด้วย ทั้งนี้ หากคุณต้องการปรุงน้ำใบบัวบกเพื่อดื่มเองที่บ้าน เราก็มีสูตรมาฝากกัน:

  1. นำใบบัวบกทั้งช่อมาล้างน้ำให้สะอาด
  2. หั่นเป็นท่อนๆ ราว 2-3 ท่อน
  3. นำใบบัวบกมาปั่นรวมกับน้ำเปล่า โดยใส่น้ำเปล่าลงไปให้ท่วมใบบัวบก
  4. กรองเอาแต่น้ำมาดื่ม
  5. ปรุงรสด้วยน้ำผึ้งได้เล็กน้อยเพื่อลดความขม

น้ำใบบัวบกเป็นน้ำสมุนไพรที่ดื่มได้บ่อยกว่าน้ำเก็กฮวย โดยไม่มีผลข้างเคียง ทั้งนี้ วิธีดื่มน้ำใบบัวบกให้ได้สรรพคุณทางยาดีที่สุด ตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ คือ ดื่มครั้งละ 150 – 200 มิลลิลิตร ทุกวันๆวันละ 3 ครั้งหลังอาหาร

ต่อไปนี้ร้อนตับแตกและกระหายน้ำเมื่อไหร่ อย่าลืมนึกถึงเครื่องดื่มที่เรากล่าวมา เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายของเราเย็นได้จากภายในแล้ว มันช่วยถนอมบำรุงตับให้กับคุณด้วย

ส่วนอาการที่เกิดขึ้นกับร่างกายเมื่ออากาศร้อนจัด ที่เรียกว่า ลมแดด (Heatstroke) จะไม่มีเหงื่อออก ทำให้ตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆ วิงเวียน ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน มึนงง และหายใจหอบ จนอาจทำให้หน้ามืดเป็นลมหมดสติ ไว้โอกาสเหมาะๆ เราจะเขียนถึงเรื่องนี้และนำมาให้ทุกท่านได้อ่านกัน

บทความเรื่องตับอื่นๆ ที่น่ารู้

สอบถาม