กาแฟ (Coffee) เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในประเทศไทยที่นิยมดื่มในช่วงเช้าและช่วงกลางวัน เพื่อให้ร่างกายเกิดความกระปรี้กระเปร่า และรู้สึกสดชื่นในตลอดทั้งวัน กาแฟสามารถดื่มได้ทั้งแบบร้อน แบบเย็น และแบบปั่น ในกาแฟแต่ละถ้วยจะมีคาเฟอีนประมาณ 65-160 มิลลิกรัม ขึ้นอยู่กับประเภทกาแฟ ปริมาณของกาแฟที่ใส่ลงไปในแต่ละถ้วย และขั้นตอนในการชงกาแฟ สำหรับกาแฟในภาพจำของใครหลายคนคิดว่ากาแฟให้โทษมากกว่าประโยชน์ แต่ในความเป็นจริงแล้วกาแฟนั้นให้ประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด เช่น
- ช่วยบำรุงสมอง
- ช่วยเพิ่มพลังงาน และช่วยลดความเหนื่อยล้า
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก
- ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคซึมเศร้า
- บำรุงหัวใจ
- มีอายุที่ยืนยาวขึ้น
กาแฟช่วยป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบซีได้จริงหรือไม่?
ไวรัสตับอักเสบชนิดซี (Hepatitis C virus; HCV) สามารถติดต่อผ่านทางเลือดหรือผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ในปัจจุบันมีผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีมากกว่า 54 ล้านคน ไวรัสชนิดนี้ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดภาวะตับอักเสบ 2 แบบ คือ
- ตับอักเสบแบบเฉียบพลัน (acute hepatitis) สำหรับโรคไวรัสตับอักเสบซีจะมีผู้ป่วยเป็นตับอักเสบแบบเฉียบพลัน 30% ของจำนวนผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีทั้งหมด และสามารถรักษาให้หายได้โดยใช้ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน
- ตับอักเสบแบบเรื้อรัง (chronic hepatitis) สำหรับโรคไวรัสตับอักเสบซีจะมีผู้ป่วยเป็นตับอักเสบแบบเรื้อรังจะมีจำนวนผู้ป่วย 70% ของจำนวนผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีทั้งหมด และมีจำนวนสูงถึง 15-30% ที่มีโอกาสเป็นโรคตับแข็ง เมื่อเป็นโรคตับแข็งก็มีโอกาสสูงเช่นเดียวกันที่จะเป็นโรคมะเร็งตับ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2.9 แสนคน
เราสามารถป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบซีได้เพียงแค่ดื่ม “กาแฟ” จริงหรือไม่? ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลงานวิจัยที่ช่วยยืนยันได้ว่ากาแฟสามารถป้องกันไวรัสตับอักเสบซีได้ แต่มีข้อมูลงานวิจัยของ Neal Freedman, Ph.D., MPH จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ (National Cancer Institute: NCI) พบว่าผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 3 ถ้วยขึ้นไป ช่วยให้ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีลดความเสี่ยงการเป็นโรคตับถึง 53% เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยของ Khalaf N, White D, Kanwal F, et al ที่ได้ผลการวิจัยว่าการดื่มกาแฟของผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีสามารถป้องกันพังผืดในตับได้ด้วย
เราจะเห็นว่ากาแฟนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายกว่าที่ทุกคนคิด ใครที่ดื่มกาแฟอยู่แล้วก็สามารถดื่มต่อไปได้เลย แต่ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสมและควรดื่มในเวลาที่เหมาะสม แต่ใครที่ไม่เคยดื่มกาแฟแล้วสนใจอยากดื่มขอแนะนำเป็นกาแฟดำ เพราะเต็มไปด้วยประโยชน์ที่หลากหลาย และต้องเป็นกาแฟดำที่เติมน้ำตาลหรือเติมนมหวานลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะถ้าเติมน้ำตาลหรือเติมนมหวานมากเกินไปอาจจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือโรคไขมันพอกตับจากการทานหวานเกินไป
อาการของโรคไวรัสตับอักเสบซี
- ปัสสาวะสีเข้ม
- มีไข้ มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้
- เป็นดีซ่าน (ผิวเหลืองและตาขาว)
- ปวดข้อ
- อุจจาระสีซีด
สาเหตุของโรคไวรัสตับอักเสบซี
- เดินทางไปสถานที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโรค
- การถ่ายเลือดจากผู้ป่วยที่ติดเชื้อ
- การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- ถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก
- การมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ได้ป้องกัน
- จากอุปกรณ์การแพทย์ที่ฆ่าเชื้อไม่ดีพอ