มีใครเป็นบ้างขณะที่กำลังวิ่งออกกำลังกายอยู่นั้น กลับเกิดคำถามว่า วิ่ง vs เดิน ออกกำลังกายนั้น อันไหนที่ดีต่อสุขภาพที่สุด อันไหนที่เผาผลาญไขมันในร่างกายได้มากที่สุด และการเดิน การวิ่ง ให้ผลลัพธ์การออกกำลังกายแตกต่างกันหรือไม่
การเดิน คือ การออกกำลังกายรูปแบบหนึ่ง ที่ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดความเหนื่อยล้า เป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะกับกับทุกเพศ ทุกวัย สำหรับการเดินออกกำลังกายเป็นการเดินด้วยความเร็วสม่ำเสมอ เดินหน้ามองตรง เดินให้เต็มฝ่าเท้า และการเดินออกกำลังกายควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-5 วัน และเดินอย่างน้อยวันละ 30 นาที
การวิ่ง คือ การออกกำลังกายอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก ปลอดภัย แต่จะเหนื่อยเร็วกว่าการเดิน เพราะการวิ่งจะเป็นการเคลื่อนที่ที่ค่อนข้างรวดเร็วฉับไว การวิ่งนอกจากจะช่วยในเรื่องหุ่นฟิตสวย และสุขภาพที่แข็งแรงแล้ว การวิ่งช่วยส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น แถมวิ่งอยู่เป็นประจำยังช่วยลดความเครียดในร่างกายอีกด้วย
เดิน VS วิ่ง ออกกำลังกายในรูปแบบเผาผลาญไขมันได้ดีกว่ากัน?
ถ้าจะให้พูดถึงประโยชน์ของการเดิน การวิ่ง กับผู้ที่ออกกำลังกาย คำตอบที่ได้นั้นย่อมแตกออกเป็น 2 เสียง เพราะสภาพร่างกายของคนเราที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการเผาผลาญของร่างกาย ระยะเวลาของการออกกำลังที่แต่ละคนมีความอดทนไม่เท่ากัน อายุ เพศ ปริมาณไขมันที่แตกต่างกัน ทำให้ผลลัพธ์ของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน บางคนคิดว่าวิ่งดีกว่า บางคนก็คิดว่าเดินดีกว่า
สำหรับในความเป็นจริงนั้น การเดิน การวิ่ง ถ้าให้พูดถึงผลประโยชน์ที่ร่างกายได้รับนั้นย่อมไม่แตกต่างกัน แต่ถ้าจะให้พูดถึงการเผาผลาญไขมัน เผาผลาญแคลอรีแน่นอนว่าการวิ่งย่อมให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการเดินเกือบ 2 เท่า เช่น เมื่อคนที่หนักประมาณ 73 กิโลกรัม มาวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 8 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะเผาผลาญได้ถึง 606 แคลอรี ในขณะเดียวกันถ้าคนที่หนัก 73 กิโลเมตร มาทำการเดินเร็วประมาณ 4.8 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะสามารถเผาผลาญได้เพียง 314 แคลอรี แต่การวิ่งออกกำลังนั้นย่อมแลกมากับความเหนื่อย และอาการบาดเจ็บที่มากกว่าการเดินออกกำลังกาย
ประโยชน์การวิ่งและการเดินออกกำลังกาย
- ช่วยลดน้ำหนัก
- ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
- เสริมภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
- ลดความเครียด ความวิตกกังวล
- ทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
- ฯลฯ
สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีออกกำลังกายง่ายๆ คุณไม่จำเป็นต้องหาอุปกรณ์ หรือสถานที่ออกกำลังกายให้ยุ่งยาก เพียงแค่คุณปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำรงชีวิต ลดการใช้รถสำหรับระยะทางใกล้ๆ เปลี่ยนมาเป็น “การเดิน” ออกกำลังกายแทน เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ออกกำลังกาย และได้สุขภาพที่แข็งแรงแล้ว