“พาราเซตามอล” (Paracetamol) หรือ “ยาพารา” เป็นยาสามัญประจำบ้านบรรเทาอาการปวดและลดไข้ นิยมใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงมาก เป็นยาที่ทุกครัวเรือนจะต้องมีติดบ้าน พาราเซตามอลเป็นยาชนิดแรกๆ ที่คนส่วนใหญ่นึกถึงเมื่อรู้สึกเมื่อสบายตัว เพราะเป็นยาที่หาซื้อง่าย ไม่อันตรายต่อเด็กและผู้ใหญ่ แต่ถ้าทานผิดขนาด และทานติดต่อการเป็นระยะเวลานานก็เกิดโทษต่อร่างกายได้
วิธีการกินยาพาราเซตามอลให้เหมาะสมกับน้ำหนัก
ประเภทของยา | ปริมาณที่เหมาะสม |
ยาพาราเซตามอลขนาด 325 มิลลิกรัม | น้ำหนัก 22-33 กิโลกรัม กินจำนวน 1 เม็ด น้ำหนัก 34-44 กิโลกรัม กินจำนวน 1 เม็ดครึ่ง น้ำหนัก 45-67 กิโลกรัม กินจำนวน 2 เม็ด |
ยาพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม | น้ำหนัก 30-50 กิโลกรัม กินจำนวน 1 เม็ด น้ำหนัก 51-67 กิโลกรัม กินจำนวน 1 เม็ดครึ่ง น้ำหนัก 62 กิโลกรัมขึ้นไป กินจำนวน 2 เม็ด |
ยาพาราเซตามอลขนาด 650 มิลลิกรัม (Tylenol) | เหมาะสำหรับผู้ป่วยอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 44 กิโลกรัมขึ้นไป รับประทานครั้งละ 2 เม็ด |
- สำหรับยาพาราเซตามอลขนาด 325 และ 500มิลลิกรัม ควรทานห่างอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ภายในหนึ่งวันไม่ควรทานเกิน 8 เม็ด
- สำหรับยาพาราเซตามอลขนาด 650 มิลลิกรัม เหมาะสำหรับผู้ป่วยอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น และจะต้องมีน้ำหนักเกิน 44 กิโลกรัม
- วิธีกินยาพาราเซตามอลที่ถูกต้องควรกลืนลงไปทั้งเม็ด ไม่ควรเคี้ยว ไม่ควรแบ่งครึ่งยาก่อนทานอย่างเด็ดขาด
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาพาราเซตามอล
คนส่วนใหญ่ทานยาพาราเซตามอลแล้วไม่มีอาการอะไรทั้งสิ้นมีเพียงแค่อาการเจ็บป่วยที่ทุเลาลง แต่มีบางกลุ่มเมื่อทานยาพาราเซตามอลเกิดผลข้างเคียงจากการทานยา โดยอาการส่วนใหญ่ที่แสดงออกมาจะเป็นดังต่อไปนี้
- มีผื่นคัน
- เหนื่อยง่าย
- มีอาการดีซ่าน (ตัวเหลือง ตาเหลือง)
- มีอาการไข้
- มีแผลร้อนในภายในช่องปาก
- อุจจาระและปัสสาวะเป็นเลือด
วิธีเก็บรักษายาพาราเซตามอล
- เก็บให้พ้นแสงแดด และเก็บในอุณหภูมิประมาณ 25 องศาเซลเซียส
- เก็บในกระปุกยา หรือภาชนะที่ปิดสนิทเท่านั้น เพราะอาจจะทำให้ยาเสียหายเสื่อมสภาพได้
- เก็บให้พ้นจากความชื้น เพราะความชื้นอาจจะให้ให้ยานั้นเสื่อมสภาพได้
เมื่อทานยาพาราเซตามอลเป็นเวลานานจะส่งอันตรายต่อร่างกายอย่างไร?
ยาพาราเซตามอลถึงจะเป็นยาที่ไม่อันตรายในเด็กและผู้ใหญ่ ถ้าหากทานยาในปริมาณที่เหมาะสมต่อตนเอง แต่ถ้าทานยาพาราเซตามอลเกิดขนาด ทานยาพร่ำเพรื่อก็จะส่งผลกระทบต่อตับคล้ายกับยาชนิดอื่นๆ ในภาวะปกติตับทำหน้าที่เปลี่ยนรูปของยาให้ออกฤทธิ์ต่อร่างกายดีขึ้น เมื่อทานยาพาราเซตามอลในปริมาณเหมาะสม ยาก็จะไปบรรเทาปวดและลดไข้ผู้ป่วย แต่ถ้าทานยาพาราเซตามอลเกินขนาดที่เหมาะสมต่อร่างกาย ตับไม่สามารถเปลี่ยนรูปของยาให้ทัน ทำให้ตับเกิดสารพิษ ส่งผลให้ตับอักเสบ ประสิทธิภาพการทำงานลดลง กระตุ้นการเกิดพังผืดจนกลายเป็นมะเร็งตับในที่สุด
ปรึกษาปัญหาสุขภาพตับโดยผู้เชี่ยวชาญผ่านเบอร์ 0915298263